วันนี้ (14 พ.ย.66) ที่ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมสัมมนา การใช้ข้อมูลดาวเทียมสำรวจโลกในการติดตามและประเมินคาร์บอน "Satellite Earth Observation & Carbon Accounting" โดยมี ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA กล่าวต้อนรับและรายงานวัตถุประสงค์การสัมมนาซึ่งมีหน่วยงานด้านอวกาศ หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรนานาชาติที่เกี่ยวข้องจากทั่วโลกกว่า 60 หน่วยงานเข้าร่วมประชุม
นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ทั่วโลกได้ตระหนักต่อการปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและภัยพิบัติต่างๆ ในปัจจุบัน ดังนั้นนานาประเทศจึงมีเป้าหมายเดียวกัน คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จังหวัดเชียงรายเองได้มีแผนงานที่สอดคล้องต่อนโยบายดังกล่าว คือ "โครงการเชียงรายเมืองสีเขียว" ที่ส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสร้างรายได้ รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน หวังว่าการสัมมนาวันนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก และนำมาใช้ประโยชน์ในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยการจัดงานของ GISTDA ในครั้งนี้ ทำให้จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนำเทคนิคและวิธีการใหม่ๆ ไปประยุกต์ใช้กับภารกิจของหน่วยงานต่อไป
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA กล่าวว่า ในฐานะประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธาน CEOS ในปี 2023 จะเป็นโอกาสที่เราจะสร้างการรับรู้ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติในด้านการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมสำรวจโลก วันนี้ GISTDA ในฐานะตัวแทนประเทศไทยและเป็นประธานคณะกรรมการดาวเทียมสำรวจโลกปี 2023 จึงได้จัดสัมมนาเรื่อง "Satellite Earth Observation & Carbon Accounting" โดยเชิญหน่วยงานด้านอวกาศจากทั่วโลกซึ่งเป็นสมาชิกของ CEOS เข้าร่วมประชุม อาทิ National Aeronautics and Space Administration (NASA), Japan Aerospace Exploration Agency (JAXA), European Space Agency (ESA) และ National Oceanic and Atmospheric Administration เป็นต้น เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงการตรวจวัดคาร์บอนด้วยดาวเทียมให้เป็นที่รู้จักในภูมิภาคผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ และเทคนิควิธีการตรวจวัดคาร์บอนด้วยดาวเทียม ซึ่งการประเมินคาร์บอนที่ได้มาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ และโปร่งใส ตามมาตรฐานสากล จะนำไปสู่การเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอวกาศต่างประเทศและกลุ่มผู้ใช้งานข้อมูลสำรวจโลกสำหรับการตรวจวัดคาร์บอน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ แก้ปัญหานำไปสู่การบรรเทาปัญหาโลกร้อน มีการนำเสนอวัฏจักรคาร์บอนและการประยุกต์ใช้โดยผู้แทนจาก NASA การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศด้วยการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อตรวจสอบก๊าซเรือนกระจก โดย JAXA และแนวทางของสหรัฐอเมริกาในการประมาณปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดย NOAA ดาวเทียมสำรวจโลกกับตลาคคาร์บอนและเทคโนโลยีอวกาศในการสำรวจและประเมินการปล่อยและการดูดกลับคาร์บอน
ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวด้วยว่า การกำหนดมูลค่าทางการเงินให้กับคาร์บอนเป็นกลไกสำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลาดคาร์บอนจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต ซึ่งใช้สำหรับการลดก๊าซเรือนกระจก และเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจหรือขายคาร์บอนเครดิต ทั้งนี้เพื่อให้มีวิธีในการปฏิบัติตามโดยมีมาตรการกำกับดูแลที่จะบังคับใช้ ซึ่งการสร้างคาร์บอนเครดิตสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยการปลูกป่า การดำเนินการทางการเกษตรด้วยวิธีที่เหมาะสมเพื่อการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอนโดยตรง มาตรการต่างๆ ในการกำหนดประสิทธิภาพของพลังงาน สิ่งเหล่านี้จะต้องได้รับการตรวจสอบทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ของตลาดคาร์บอน จะทำให้การซื้อขายมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น หลังจากการสัมมนาครั้งนี้แล้วทุกหน่วยงานด้านอวกาศจะร่วมกันส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถเกี่ยวกับการใช้ดาวเทียมสำรวจโลก ทั้งด้านการตรวจสอบปริมาณคาร์บอนสะสมของป่าไม้ การติดตามและการวัดการเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณที่ปกคลุม หรือการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อช่วยลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และยังช่วยสนับสนุนพร้อมขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนภายในประเทศต่อไป ส่วนบทบาทของ “ดาวเทียมในการช่วยแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่านั้น ปัจจุบันประเทศไทยได้ใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการวัดค่าความร้อนจากหมอกควันและไฟป่ามาหลายปีมาแล้ว โดย GISDA และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ร่วมกับกรมป่าไม้ และกระทรวงหมาดไทย โดยมี 15 จังหวัดนำร่อง ในการใช้ดาวเทียมจัดระเบียบในการเผาป่า เนื่องจากในการเผาป่าจะเกิดจุดความร้อน หมอกควัน และส่งผลให้ค่าคาร์บอน และ PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้น เราจึงได้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมมาใช้ในการติดตาม เพื่อทำการจัดระเบียบ วางแผน บริหารจัดการในการแก้ไขปัญหาไฟป่า"